In Love and War รักนี้ไม่มีวันลืม (1996)
เรื่องย่อ: เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากชีวิตรักช่วงหนึ่งของนักเขียนผู้มีชื่อเสียง เออร์เนสต์ เฮมิ่งเวย์ เรื่องเริ่มขึ้นในปี 1918 (พ.ศ.2461) เฮมิงเวย์ ซึ่งเดิมทำงานเป็นผู้สื่อข่าว ไม่สามารถอาสาเป็นทหารในหน่วยรบได้เนื่องจากปัญหาทางสายตาจากการชกมวย ได้อาสามาทำหน้าที่ในเหล่ากาชาดแทน เฮมิงเวย์ ถูกส่งมาประจำการในอิตาลีซึ่งกำลังรบกับออสเตรีย ในขณะที่กองทหารอเมริกันยังรบติดพันในสมรภูมิอื่นอยู่ ด้วยความเป็นหนุ่มที่ปรารถนาจะเห็นสงครามอย่างใกล้ชิด ในคืนหนึ่ง (วันที่ 8 กรกฎาคม) จึงได้เดินทางไปยังสนามเพลาะแห่งหนึ่งใกล้แม่น้ำเพียฟ ขณะที่กำลังคุยกับทหารอิตาเลียนอยู่นั้น ก็มีกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด (Mortar หรือที่ชาวบ้านไทยชอบเรียกว่า “ปืนครก” )ตกลงมากลางวงสนทนาทำให้ เฮมิงเวย์ ได้รับบาดเจ็บ แม้กระนั้นยังได้พยายามแบกเพื่อนทหารอิตาเลียนคนหนึ่งออกจากสนามเพลาะแห่งนั้น จนตัวเองได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมจากกระสุนปืนกลที่ขา และถูกส่งตัวเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลในเมืองที่เหล่ากาชาดพยาบาลอเมริกันปฏิบัติงานอยู่ โดยอยู่ในความดูแลของนางพยาบาลอเมริกันเชื้อสายเยอรมัน นามว่า แอกเนส ฟอน คูโรว์สกี้ (Agnes von Kurowsky) ซึ่งมีอายุ 26 ปี แก่กว่า เฮมิงเวย์ ประมาณ 7 ปี (ต่อไปจะขอเรียกเธอสั้นๆ ว่า “แอกเนส”) แอกเนส พบว่าบาดแผลของ เฮมิงเวย์ มีเนื้อตาย ซึ่งในยุคนั้นมีวิธีเดียวที่เธอจะช่วยได้คือการชะล้างแผล ซึ่งเธอได้เรียนรู้มาจากโรงพยาบาลจอห์ ฮอฟกิน เข้าใจว่าการรักษาแบบนี้ยังค่อนข้างใหม่ และตามระเบียบพยาบาลจะต้องได้รับอนุญาตจากแพทย์ก่อน แต่เธอได้ยอมเสี่ยงเพื่อช่วยเฮมิงเวย์ หรือที่ต่อมาเรียกกันว่าเจ้าน้องเออร์นี่ ให้รอดพ้นจากการถูกตัดขา และอธิบายเหตุผลให้กับนายแพทย์โดมินิโกชาวอิตาเลียนจน เออร์นี่รอดพ้นจากการถูกตัดขา นี่ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของรักสามเส้าระหว่าง เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ คนไข้หนุ่มอายุประมาณ 18-19 ปี แอกเนสต์ ฟอน คูโรวสกี้ พยาบาลสาวอายุ 26 ปี และนายแพทย์อิตาเลียนหนุ่มใหญ่อายุราว 40 กว่าปี ไม่นับเพื่อนของเออร์นี่อีกคน ชื่อ แฮรรี่ (Henry S. Villard) ซึ่งเข้าโรงพยาบาลเพราะป่วยเป็นดีซ่าน และเป็นผู้บันทึกเรื่องดังกล่าว ในระหว่างรับการรักษาพยาบาลในบรรยากาศสงครามและรักสามเส้าดังกล่าว เฮมิงเวย์ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ the Silver Medal of Military Valor (medaglia d’argento) จากรัฐบาลอิตาลี และต่อมาได้ถูกส่งตัวกลับอเมริกาในช่วงใกล้เคียงกับที่แอกเนสถูกสั่งย้ายไปปฏิบัติการภาคสนามใกล้แนวรบยิ่งขึ้น เฮมิงเวย์ ได้นัดให้แอกเนสไปพบที่โรงแรมใกล้สถานีรถไฟที่เขาจะต้องออกเดินทาง จนได้เสียกัน และสัญญาว่าจะแต่งงานกันหลังสงครามสงบ แต่เมื่อ เฮมิงเวย์ จากไป หมอโดมินิโก ยังคงติดพันแอกเนส และสร้างความสัมพันธ์ด้วยการพาไปเที่ยวบ้านในยามลาพักผ่อน พาไปชมสถานที่ที่กำลังเตรียมเปิดกิจการโรงพยาบาลหลังสงคราม จนแอกเนสไขว้เขว และเขียนจดหมายไปขอเลิกกับเฮมิงเวย์ ทำให้เฮมิงเวย์ผิดหวังเป็นอย่างมาก หลังสงคราม แอกเนส เกือบจะแต่งงานกับโดมินิโก แต่พบว่าตนเองไม่อาจลืม “น้องเออร์นี่” ได้ จึงได้เดินทางกลับสหรัฐอเมริกา และตามไปจนพบเฮมิงเวย์ แต่ความผิดหวังได้ทำให้ “น้องเออร์นี่” ผู้เคยเป็น “เด็ก” ในสายตาใครต่อใครได้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่เจ็บแล้วจำจนไม่อาจคืนดีกับเธอได้แล้ว ทั้งสองได้จากกัน โดยแอกเนสยังคงทำงานให้กาชาดจนสิ้นสงครามโลก อยู่เป็นโสดจนอายุ 36 และอายุยืนถึง 92 ปี ส่วนเฮมิงเวย์ ประสบความสำเร็จในงานด้านการประพันธ์อย่างมาก แต่ชีวิตส่วนตัวนั้น แต่งงานถึง 4 ครั้ง และจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย