Black Plague เงามรณะล้างแผ่นดิน (2012)
เรื่องย่อ: เนื้อเรื่อง ปีค.ศ.1348 ในสงครามที่ยืดเยื้อระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส เซอร์วอลเทอร์ เดอ เมลเลอบี นำทหารไปร่วมรบในสงครามแต่เขากลับเป็นฝ่ายถูกจับเป็นตัวประกัน ต่อมาเขาหลบหนีออกมาได้แต่ก็ต้องเดินเท้ากลับมาอังกฤษ(ว่ายน้ำข้ามทะเลด้วยป่ะ???) แต่กว่าจะกลับมาถึงก็ท้ายเรื่องแล้ว นิโคลลัสหลานชายท่านเซอร์กลับพร้อมเชลย ฌาคส์ เดอ แซงต์ อามอง บุตรชายของท่านเคาน์ของฝรั่งเศส ซึ่งเขามั่นใจว่าจะกำไรจากการแลกตัวกับเซอร์วอเทอร์ แต่มันไม่อาจทำให้เลดี้มาทิลดาพอใจ เพราะเธอต้องการตัวสามีของเธอมากกว่าตัวการทำกำไร นางเลือกที่จะปฎิบัติกับเชลยเป็นอย่างดีในฐานะที่เขาควรได้รับ(ในฐานะขุนนาง) แต่เขาต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของเธอ นางสั่งให้เพค๊อกคอยจับตามองให้เขาอยุูในเงื่อนไข(ผู้คุมนั้นแหละ) นั้นทำให้นิโคลัสไม่พอใจอย่างแรง ด้วยภาระสงครามต่อเนื่องและผลผลิตตกต่ำทำให้สภาพคล่องของตะกลูเมลเลอบีย่ำแย่จนต้องกู้ยืมเงินจากศาสนจักร มาทิลดาจำเป็นต้องเข้าไปวิงวอนต่อปิชอปเพื่อผันผ่อนกำหนดชำระ โดยนางขอเวลาสิบวันที่จะมีการแลกตัวนักโทษ ปิชอปรับข้อเรียกร้องและเขาเสนอให้นางใช้เรือนร่างแลกเปลี่ยนหนี้สินหากไม่สามารถชำระได้
นิโคลัสเข้าไปยั่วยุและทำร้ายนักโทษในตอนที่เลดี้มาทิลดาไม่อยู่ เขาไม่รู้ตัวว่ากำลังอยู่กับใคร ฌาคส์เดอ แซงต์ อามองตอบแทนเขาด้วยความตาย ไม่เพียงเขาคนเดียว ยังมีผู้คนอีกมากมายต้องตายโดยมีสาเหตุมาจากชาติผู้นี้มาทิลดาสงสัยในการตายของผู้คนอาจเป็นคำสาปจากเมียเก่าของเซอร์วอเทอร์นางก็เริ่มลงมือสืบหาข่าวเกี่ยวกับโจน เดอ เมลาบี เมื่อถึงกำหนดชำระหนี้ ปิชอปจึงเดินทางมาทวงถามสัญญาแลเะยังต้องสร้างเสริมกำลังใจให้ผู้คนที่ขวัญเสียจากการล้มตายของผู้คน เขาทำพิธีกรรมดื่มเลือดและเนื้อของพระเยซูเพื่อล้างปาบ(โดยใช้ขนมปังและไวน์แดงเป็นสัญลักษ์แทน) แต่มันไม่อาจช่วยอะไรได้เลย ทุกคนในหมู่บ้านตายเกือบหมดไม่เว้นแม้แต่ตัวปิชอป เลดี้มาทิลดาที่ไม่ได้ล้างปาบเช่นคนอื่นกลับรอดตาย เพราะนางรังเกียจในตัวปิชอปที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา และเพค๊อกได้นำข่าวสารบางอย่างเกี่ยวกับฌาคส์มาบอกแก่นางในระหว่างทำพิธีทำให้นางทราบความจริงในเรื่องราวทั้งหมด ความสัมพันธ์ของนางกับฌาคส์ พัตนาจนกลายเป็นชู้สาว ซึ่งดูประจวบเหมาะกับที่ เซอร์วอลเทอร์ เดอ เมลเลอบี เดินเท้ากลับมาถึงเห็นภาพบาดตาที่เลดี้มาทิลดากำลังคลอเคลียอยู่กับฌาคส์ ชายชู้เหมือนที่เคยเกิดกับ โจน เดอ เมลเลอบี เมียคนก่อนของเขา ซึ่งได้ลงดทษนางด้วยการให้ชายในหมู่บ้านรุมขมขืนและนำนางไปมัดทิ้งในป่าท้ายหมู่บ้าน แต่เพค๊อกได้ช่วยนางไว้จนกระทั่งคลอดบุตรชาย นั้นเป็นสาเหตคุให้เซอร์วอลเทอร์ เดอ เมลเลอบี ตัดจมูกของเพค๊อกทิ้ง แท้จริง ฌาคส์ เดอ แซงต์ อามอง คือบุตรของนางที่มาเพื่อแแค้นทุกคนที่เคยย่ำยีนาง แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจมากที่สุดคือ เซอร์วอลเทอร์ เดอ เมลเลอบี ประกาศว่าเขาได้ฆ่าลูกของโจน เดอ เมลเลอบีไปแล้วในวัยเด็ก(แล้วมรึงเป็นใครล่ะทีนี้) มาทิลดาใช้มีดแทง เซอร์วอลเทอร์ เดอ เมลเลอบี ขณะที่เขากำลังพันตูกับฌาคส์ นางถามว่ามันจบหรือยัง... ชายหนุ่มเดินโซซัดโซเซจากไป แล้วเขาก็ไปยังหมู่บ้านใหม่พร้อมทั้งรูปลักษณ์ใหม่ที่ไม่ใช่ ฌาคส์ เดอ แซงต์ อามอง
ในยุคมืดของยุโรปราวปีค.ศ.กาฬโรคแพร่ระบาดไปทั่วโลก นักวิชาการว่ากันว่ามีคนตายราวครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งโลกจากกาฬโรค ราวๆ75-200ล้านคน(เก่งจัง รู้ได้ไง) พักเรื่องไว้ก่อนมาว่าที่หนัง Black Plagueได้ตีความการตายอย่างมหาศาลเสียใหม่ มันไม่ใช่แค่เพียงเชื้อโรคที่แพร่ระบาดแต่มันเป็นบาปที่ลงทัณฑ์ผู้หลงผิด ทุกคนล้วนมีบาปติดตัวจึงยากที่จะปฏิเสธความตาย ซึ่งผู้ลงโทษนั้นไม่อาจสรุปได้ว่าใครส่งมา อาจจะเป็นพระเจ้า ซาตาน หรืออาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรก็ไม่รู้ ตัวหนังเล่าถึงความเสื่อมทรามของจิตใจผู้คน ไม่ว่าหลานชายที่หวังจะแอ้มอาสะใภ้ ชนชั้นปกครองที่ห่วงแต่สวัสดิการตนเองมากกว่าความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การตัดสินใจของชนชั้นปกครองล้วนทำเพื่อสภาพความเป็นอยู่และรัษาอำนาจตัวเอง นักบวชที่หมกมุ่นในกามรมณ์ บาทหลวงที่ไม่ปฏิบัติวัตรของตัวเอง ชาวบ้านที่ทำยอมตามคำสั่งของนายเหนือหัวโดยไม่สนว่าสิ่งนั้นผิดศีลธรรมหรือไม่จะด้วยความกลัวหรืออำนาจเงินที่ยั่วยวน ทุกคนล้วนก่อบาปด้วยหลากหลายเหตุผล เรื่องราวในหนังค่อนข้างซับซ้อนซ่อนเงื่อน เหมือนจะเดาทางง่าย แต่ตอนจบเล่นเอาเงิบ สตั้นไปหลายนาทีกว่าจะคิดตามหนังทัน
มาว่าต่อในแง่ของของความเป็นโรคระบาด จะเห็นความเชื่อผิดๆในการรักษาหรือต่อต้านโรคระบาด อย่างเช่นการโยนบาปให้ใครสักเป็นตัวกาลกินีนำพาโชคร้าย อันที่จริงพวกทหารก็อาจตัวการนำเชื้อกาฬโรคที่แพร่จริงๆก็ได้เพราะเป้นคนกลุ่มเดียวที่เดินทางมาจากต่างถิ่น แต่การทำร้ายคนพวกนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย การทำร้ายตัวเองเพื่อสำนึกแก่บาปเพื่อขับไล่โรคร้ายอันนี้ยิ่งทำให้มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าเดิมเสียอีก การล้างบาปจากพิธีกรรมศาสนา นอกจากความร่ำรวยของนักบวชแล้วก็เปล่าประโยชน์