Race ต้องกล้าวิ่ง (2016)
เรื่องย่อ: ย้อนกลับไปในยุค 1930s เจสซี โอเวนส์ คือ หนุ่มผิวสีซึ่งเป็นคนแรกในครอบครัวที่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่ Ohio State และที่นั่นเขาก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักกรีฑาภายใต้การคุมทีมของโค้ช แลรี่ ซไนเดอร์
แม้จะต้องต่อสู้กับการโดนเหยียดผิว แต่เจสซีก็แสดงฝีมือในสนามเอาไว้อย่างโดดเด่น จนทำให้เขาเป็นตัวเต็งในการเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกปี 1936
แต่โอลิมปิกครั้งนี้ต่างจากครั้งอื่นตรงที่ มันจะถูกจัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน ภายใต้การปกครองของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่แสดงออกถึงการเหยียดเชื้อชาติอย่างเปิดเผย และมันก็ทำให้หลายชาติรวมทั้งอเมริกาพยายามจะคว่ำบาตรการแข่งขันในครั้งนี้
สำหรับนักกีฬาผิวสีอย่าง เจสซี ประเด็นนี้ก็ดูจะยิ่งละเอียดอ่อนมากขึ้น เพราะถ้าเขาตัดสินใจร่วมแข่งและพบกับความพ่ายแพ้ มันก็จะยิ่งสนับสนุน จุดยืน ของฮิตเลอร์ว่า ไม่มีชนชาติไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า ชาวอารยัน
Race เป็นหนังกีฬาอีกเรื่องที่พูดถึง อคติทางเชื้อชาติ ที่มีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย ได้อย่างน่าสนใจ และมันก็ทำให้เราได้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นที่ อเมริกา หรือ เยอรมัน คนหลายๆ คนก็มักจะถูกตัดสินใจ เปลือกนอก มากกว่า ความเป็นมนุษย์ ที่อยู่ข้างในอยู่เสมอ
รายละเอียดอย่างหนึ่งใน Race ที่ผมชอบมากก็คือ เบื้องหลังภาพยนตร์ Olympia ซึ่งเป็นสารคดีบันทึกการแข่งขันครั้งนี้ ที่แสดงให้เห็นความพยายามของผู้กำกับหญิง เลนิ ไรเฟนสตาห์ล ในการบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมาที่สุดโดยไม่มีอคติทางเชื้อชาติใดๆ
แม้ว่า Race จะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดแบบตรงไปตรงมา โดยไม่ได้มีชั้นเชิงอะไรมากมาย แต่จังหวะจะโคนในการเล่าของหนังก็ทำออกมาได้สนุก โดยเฉพาะช่วงการแข่งขันโอลิมปิกตอนท้ายเรื่อง ที่ทำให้เรารู้สึกลุ้นไปกับการคว้าเหรียญของเจสซีไปด้วย