Letters from Iwo Jima จดหมายจากอิโวจิมา ยุทธภูมิสู้แค่ตาย (2006)
เรื่องย่อ: นายพลคูริบายาชิ กับ พันโทนิชิ ก่อนเกาะอิโวจิมาถูกโจมตี
การมาของนายพลคูริบายาชิ สร้างความประทับใจให้กับซาอิโกะอย่างมาก แต่กับนายทหารที่จะต้องทำงานด้วยกันแล้ว ได้เกิดความขัดแย้งกับท่านนายพลเรื่องแนวคิดในการป้องกันเกาะ ซึ่งนายทหารส่วนใหญ่เห็นว่าควรสร้างแนวป้องกันที่ชายหาดเพื่อสกัดการบุกของทหารอเมริกันตั้งแต่แรก แต่นายพลคูริบายาชิซึ่งเคยศึกษาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เห็นว่าแสนยานุภาพของฝ่ายอเมริกันน่าจะมีมากพอที่จะทำลายแนวป้องกันของญี่ปุ่นได้ในเวลาอันสั้น และฝ่ายญี่ปุ่นจะไม่มีกองเรือรบมาสนับสนุนตามที่หน่วยเหนือสัญญาเนื่องจากสูญเสียไปแล้วจากการรบครั้งก่อนๆ ท่านนายพลจึงสั่งให้ทหารขุดอุโมงค์ในภูเขาซึ่งจะต้านทานการโจมตีได้ดีกว่าสนามเพลาะที่ชายหาด บรรดานายทหารต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ ยังดีที่ความขัดแย้งนี้ไม่ได้บานปลายจนเป็นอุปสรรคกับการทำงาน ระหว่างเตรียมการตั้งรับนี้มีการเปิดตัวละครสำคัญอีกสองตัว คือ พันโทนิชิ (Lieutenant Colonel Takeichi Nishi) ผู้บังคับการหน่วยรถถังที่ปราศจากอะไหล่จนต้องเอามาตั้งวางเหมือนป้อมปืนขนาดย่อม กับชิมิสึ ทหารใหม่ในกองร้อยของซาอิโกะ อดีตทหารในหน่วย Kempeitai (ขอเรียกง่ายๆ ว่า สารวัตรทหาร ก็แล้วกันครับ แม้ว่าในรายละเอียดทหารหน่วยนี้อาจมีอะไรต่างจากสารวัตรทหารที่เราคุ้นเคยบ้างก็ตาม) ที่ถูกปลดเพราะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ผู้พันนิชิเป็นทั้งนักเรียนนอกและอดีตนักกีฬาขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวางระดับเหรียญทองโอลิมปิคปี 1932 (พ.ศ.2478) ที่มาเป็นคู่คิดของท่านนายพลคูริบายาชิ (แต่ในวิกิบอกว่าในประวัติศาสตร์ทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน) ส่วนชิมิสึความที่เป็นอดีตสารวัตรทหาร และบุคลิกที่เงียบขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ทำให้ถูกระแวงว่าเป็นสายของหน่วยเหนือ
ชิมิสึ (ซ้าย) กับ ซาอิโกะ (ขวา) ขณะนั่งพักในอุโมงค์
หลังจากนั้นไม่นาน กองทัพสหรัฐฯ ก็เริ่มโจมตีอิโวจิมาทางอากาศ ทำให้บรรดาทหารญี่ปุ่นต้องหมกตัวกันอยู่แต่ในถ้ำและอุโมงค์ที่สร้างขึ้นมา ไม่กี่วันถัดมาก็เริ่มการยกพลขึ้นบก (ตามประวัติศาสตร์คือวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1945/พ.ศ.2488) รบกันจนถึงวันที่ 26 มีนาคม) นายพลคูริบายาชิสั่งให้ทหารรอจนทหารอเมริกันขึ้นมาเต็มชายหาดจึงเริ่มเปิดฉากการยิง หลังจากปะทะกันดุเดือด สิ่งที่ท่านนายพลคาดการณ์ไว้ไม่ผิด คือบรรดารังปืนกลที่พวกนายทหารขอต่อรองสร้างไว้ตามชายหาดบ้างถูกทหารอเมริกันกวาดล้างไปได้ในเวลาไม่นาน ส่วนกองกำลังที่ขุดอุโมงค์ในเขาซูริบาชิสามารถต้านทานข้าศึกได้นานกว่า แต่ในที่สุดด้วยกำลังพลและกระสุนปืนที่ร่อยหรอ พันเอกอาดาชิผู้บัญชาการกองกำลังที่เขาซูริบาชิได้ตัดสินใจสั่งให้ทหารสละชีพโดยไม่สนใจคำสั่งนายพลคูริบายชิที่ให้ถอนกำลังไปช่วยป้องกันที่มั่นอื่นทางเหนือ กองร้อยของผู้กองทานิดะพากันฆ่าตัวตายด้วยลูกระเบิดอย่างสยดสยอง เหลือแต่ซาอิโกะกับชิมิสึ ที่มีการถกเถียงกันเล็กน้อยก่อนจะพากันหนีไปสมทบกับกองร้อยของผู้กองอิโตะ เรื่องต่อจากนี้ขออนุญาตไม่เล่าละเอียดนะครับ ขอให้ชมจากภาพยนตร์เอาเอง โดยสรุปคือ ฝ่ายญี่ปุ่นสามารถต้านทานทหารสหรัฐฯ ไว้ได้ระยะหนึ่ง ก็ต้องประสบความพ่ายแพ้ ผู้พันนิชิได้รับบาดเจ็บจนตาบอดและฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา ผู้กองอิโตะพยายามนำทุ่นระเบิดไปดักทำลายรถถัง แต่ไม่สำเร็จและถูกจับเป็นเชลย ชิมิสึหนีไปยอมจำนนกับทหารอเมริกันในคืนหนึ่ง แต่ถูกทหารที่เฝ้ายิงเสียชีวิต นายพลคูริบายาชินำกำลังทหารที่พอมีเหลือเข้าปะทะข้าศึกแบบพลีชีพจนตายกันทั้งหมด ส่วนซาอิโกะรอดตายเนื่องจากท่านนายพลหลอกใช้ให้ทำหน้าที่ทำลายเอกสารในขณะที่ท่านนำทหารออกรบ โดยซาอิโกะไม่ได้ทำลายจริงๆ เพียงแต่นำเอกสารและจดหมายที่ทุกคนเขียนไว้ไปฝังที่พื้นในอุโมงค์แห่งหนึ่ง และต่อมาได้ถูกจับเป็นเชลย แล้วภาพยนตร์ก็ตัดกลับมาปี 2005 ที่นักโบราณคดีขุดพบเอกสารและจดหมายของบรรดาทหารที่ซาอิโกะฝังไว้นั่นเอง